สวย เปรี๊ยว เท่ กับแฟชั่นลายขวาง,,,

สำหรับเสื้อผ้าที่เป็นลวดลายแล้ว ถ้าจะพูดถึงลายคลาสสิคสุดอมตะนั้นจะต้องมีชื่อของ "ลายขวาง" ติดอยู่ลำดับต้นๆ อย่างแน่นอน สังเกตได้ง่ายๆ จากเสื้อผ้าคุณแม่เราเมื่อ 30 – 40 ปีก่อน เค้าใส่ลายขวางกันยังไง ทุกวันนี้ก็ยังมีให้เราเห็นกันดู อาจจะเป็นเพราะด้วยความเรียบง่ายแต่ดูไม่จำเจ จึงทำให้เสื้อผ้า "ลายขวาง" เป็นที่นิยมมาจนถึงทุกวันนี้

เริ่มที่สาวตัวเล็กนะคะ สาวตัวเล็กควรเลือกเสื้อผ้าลายขวางตาเล็กๆ ถี่ๆ จะช่วยให้สาวๆ ดูมีเนื้อมีหนังขึ้น แต่ถ้าเป็นสาวร่างท้วมล่ะก็ ควรเลือกลายขวางท่อนบนแล้วใต้อกต่อด้วยผ้าสีพื้นด้านล่าง ถ้าเป็นชุดเดรส ควรเลือกลายขวางบนเสื้อหรือ กระโปรงอย่างใดอย่างหนึ่ง ห้ามใส่ลายขวางทั้งชิ้นบนชิ้นล่างเด็ดขาดเลยนะคะ น่าเกลียดแย่เลย

ส่วนสาวๆ คนไหนที่อยากอกใหญ่ (อกไข่ดาวทั้งหลายฟังไว้เลย!!!) ควรใส่ลายขวางสีอ่อนๆ คาดตรงหน้าอกพอดี และถ้าเป็นสาวที่อยากให้อกเล็กลงก็ให้สวมเสื้อลายขวางคอวี หรือแบบซิปผ่าหน้ารูปตัววี และที่สำคัญควรเลือกแบบที่มีสีสันสดใส เพราะจะช่วยพรางตา และดึงดูดความสนใจจากหน้าอกไปได้

และสุดท้ายท้ายที่สุด ถ้าอยากเป็นสาวเท่ห์แนวร็อกล่ะก็ ให้สาวๆ ลองนำเสื้อลายขวางมาใส่กับกางเกงยีนส์ แล้วสวมทับด้วยแจ็กเก็ตหรือเสื้อกั๊ก เพียงเท่านี้สาวๆ ก็จะดูเท่สุดๆ แล้วล่ะค่ะ

สำหรับสีสันของลายขวาง สีคลาสสิคตลอดกาลคงหนีไม่พ้น สีขาว-ดำ ถ้าสาวคนไหนกำลังจะเลือกซื้อเสื้อผ้าลายขวาง ขอแนะนำ สีน้ำเงิน-ขาว แบบกะลาสีดั้งเดิมค่ะ ขอบอกนะจ๊ะว่าใส่ได้ทุกซีซั่น ไม่เอาท์แน่นอนคอนเฟิร์มค่ะ

เครดิต :: Dek-d.com

Gothic...

------โกธิค Gothic ช่วงเวลาสุดท้ายของยุโรปสมัยกลาง เป็นช่วงที่ยุคมืดกำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรมหรือ Renaissance แล้วล่ะสถาปัตยกรรมแบบ Gothic โบสถ์ที่มีหลังคาทรงแหลมเพรียว กระจกสี ศิลปะ Gothic เท้าความก่อนว่า ภาพเขียนสมัยกลาง จะมี topic อยู่เรื่องเดียวคือศาสนา (ก็ยุคมืดง่ะ ยุโรปจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลศาสนาคริสต์) ภาพเขียนก็จะวนๆอยู่แต่เรื่องของ God, พระเยซู พระสันตปาปา ภาพจะแบนๆ ไม่มีมิติ ไม่มีการสร้างความสมจริงให้ภาพ แต่ภาพจิตรกรรมยุค Gothic จะเริ่มพัฒนาให้เห็นความเป็นธรรมชาติ ความสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ (ก่อนพัฒนาสูงสุดในยุค Renaissance) มีการสร้างมิติ สร้างขนาดสัดส่วนที่เหมือนจริงมากขึ้น รวมถึงเกิดภาวะ The International Gothic Style ด้วยคือใครๆก็นิยมสร้างภาพแนวนี้ไม่ว่าจะเป็นศิลปินจากแคว้นไหนหมู่ไหน มันจะดูเหมือนๆกันไปหมดอ่ะ เริ่มมีภาพของชาวบ้าน ท้องถิ่นมากขึ้นอีกด้วย ศิลปินเด่นๆของยุคโกธิคก็ giotto น่ะเอง


-----------------------------------

Vampire...

ตำนานแวมไพร์มีมานานนับเป็นพันๆ ปี เรียกว่าอยู่คู่กับประวัติศาสตร์มนุษย์ก็คงจะได้ แวมไพร์มิได้
หมายถึงผีดูดเลือดแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ชนชาติต่างๆ ทั่วโลกต่างก็มีแวมไพร์ในแบบฉบับของตัว
เอง

แวมไพร์นั้นมีหลากหลายเชื้อชาติแต่ละเชื้อชาติก็มีประวัติที่แตกต่างกันไป

เริ่มที่...SLAVIC VAMPIRES

ชาวสลาฟเป็นชาติที่ร่ำรวยเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์มากที่สุดในยุโรปตะวันออก ดินแดนนี้กิน พื้นที่ตั้งแต่ รัสเซีย บุลแกเรีย เซอร์เบียร์ จนกระทั่งถึงโปแลนด์ ความเชื่อพวกนี้ฝังรกรากมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 8 แหล่งชุมนุมแวมไพร์ที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่ที่ เมือง Magyars ซึ่งปัจจุบันเป็นพรมแดน ต่อกันระหว่างประเทศฮังการีกับโรมาเนีย

คำว่าแวมไพร์ก็มาจากภาษาของพวกเขานี่แหละ แวมไพร์ พวกนี้จะมีเล็บมือและผมที่ทั้งยาวทั้งสกปรก มุมปากมีคราบเลือดเกรอะกรัง ไม่ชอบสุงสิงกับผู้คน

วิธี การปราบแวมไพร์ของชาวสลาฟก็คือจับ เผาทั้งเป็น หรือไม่ก็พรมน้ำมนต์ที่ได้มา จากโบสถ์ใส่พวกมันก็ได้ROMANIA เนื่องจากโรมาเนียถูกแวดล้อมไปด้วยประเทศของชนชาติสลาฟ

ภาษาพื้นเมืองของโรมาเนียนั้น เรียก แวมไพร์ว่า " Strigoi " อาจจะหมายถึง นกฮูกแก่ๆ หรือปีศาจก็ได้ทั้งนั้น " Strigoi " มีอยู่หลายประเภทด้วย กัน " Strigoi " ส่วนมากคือพวกผู้ใช้คาถา ซึ่งจะกลายเป็นแวมไพร์เมื่อตายแล้ว เจ้า " Strigoi " พวกนี้จะถอด วิญญาณออกจากร่างไปเพื่อชุมนุมกันในคืนพระจันทร์เต็มดวง หรือไม่ก็ออกตระเวนดูดเลือด ซึ่งส่วน ใหญ่จะเป็นสมาชิกในครอบครัว หรือไม่ก็เพื่อนบ้านใกล้เคียง คนที่เกิดมาโดยมีสัญญลักษณ์ของปีศาจ (มีหาง เขี้ยวงอก ขนดกรุงรัง) หรือคนที่ตายอย่างผิดธรรมชาติ หรือตายโดยที่ยังไม่ได้ทำพิธีรับศีล พวกนี้มีสิทธิจะเป็นแวมไพร์ได้ทั้งนั้น มีอีกพวกหนึ่งที่มีสิทธิ์เป็นแวมไพร์ 100 % ก็คือ โดนแวมไพร์กัดเอา..

------------------------------------------