วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553



Greece also known as Hellas and officially the Hellenic Republic is a country in southeastern Europe, situated on the southern end of the Balkan Peninsula. The country has land borders with Albania, the Republic of Macedonia and Bulgaria to the north, and Turkey to the east. The Aegean Sea lies to the east of mainland Greece, the Ionian Sea to the west, and the Mediterranean Sea to the south. Greece has the tenth longest coastline in the world at 14,880 km (9,246 mi) in length, featuring a vast number of islands (approximately 1400, of which 227 are inhabited), including Crete, the Dodecanese, the Cyclades, and the Ionian Islands among others. Eighty percent of Greece consists of mountains, of which Mount Olympus is the highest at 2,917 m (9,570 ft).

Modern Greece traces its roots to the civilization of ancient Greece, generally considered to be the cradle of Western civilization. As such, it is the birthplace of democracy, Western philosophy,the Olympic Games, Western literature and historiography, political science, major scientific and mathematical principles, and Western drama,[8] including both tragedy and comedy. This legacy is partly reflected in the 17 UNESCO World Heritage Sites located in Greece.



A developed country with a very high Human Development Index and standard of living,Greece has been a member of what is now the European Union since 1981 and its Economic and Monetary Union since 2001,[14] NATO since 1952  and the European Space Agency since 2005.It is also a founding member of the United Nations, the OECD and the Black Sea Economic Cooperation Organization. Athens is the capital. Other major cities include Thessaloniki, Piraeus, Patras, Heraklion and Larissa.

เกาะซานโตรินี่ * เสน่ห์แห่งกรีซ


เกาะซานโตรินี่ (Santorini) นี้เป็นเกาะที่ดังมากๆ ของประเทศกรีซ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะ Crete ในทะเล Aegean ด้วยความที่มีเอกลักษณ์ ของสถาปัตยกรรม ที่โดดเด่นมาก ถ้าใครเคยเห็นภาพบ้านสีขาวหลังคาโดมสีฟ้าตามโปสการ์ดท่องเที่ยวของกรีซแล้ว นั่นแหละ แทบทั้งหมดจะถ่ายมาจากเกาะนี้





การมาเที่ยวเกาะนี้ ถ้าใจร้อนก็สามารถขึ้นเครื่องมาได้ แต่ถ้าใจเย็น ก็ต้องนั่งเรือเฟอรี่ ถึงกว่าสามชั่วโมงจึงจะถึงซานโตรินี่ ประวัติของตัวเกาะนี้ แต่ก่อนเป็นภูเขาไฟ และเกิดการระเบิดขึ้นหลายครั้ง ทำให้ส่วนตรงกลางปล่องภูเขาไฟยุบลง เกิดเป็นหมู่เกาะขนาดย่อมๆขึ้น เรียกว่าหมู่เกาะ Cyclades ทำให้เกาะนี้เกิดลักษณะเฉพาะตัวตามธรรมชาติขึ้น นั่นก็คือ กลายเป็นหมู่เกาะ ที่ประกอบด้วยเกาะใหญ่ รูปคล้ายประจันทร์เสี้ยว เป็นวงด้านนอก ล้อมวงใน ที่เป็นหน้าผา และตรงกลางมีเกาะเล็กๆซึ่งเป็นยอดปล่องภูเขาไฟอยู่ แต่ถ้าอาศัยเพียงธรรมชาติของเกาะเพียงอย่างเดียว ก็คงไม่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวซักเท่าไรนัก



มนุษย์คนแรก ที่เหยียบย่างขึ้นมาบนเกาะนี้ ก็ราวๆ 3000 ปีก่อนคริสตกาลโน่น และตั้งถิ่นฐานมายาวนานจนเป็นอารยธรรม ของหมู่เกาะนี้ เรียกว่ายุค Minoan จนกระทั่งถูกภูเขาไฟถล่มลงอีกครั้ง ฝังทับเมือง Akrotiri ไว้กว่า 3600 ปีมาแล้ว (เหมือนกับที่ปอมเปอี)

หมู่บ้านที่เป็นท่าเรือ เรียกว่า Thira หรือ Fira จะเป็นเมืองหลวงของเกาะนี้ Thira เป็นเมืองใหญ่ มีร้านรวงเยอะกว่า Oia แต่วิวที่เห็นปล่องภูเขาไฟก็ต่างกันไปคนละมุม โดยเกาะซานโตรินี่ ที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว มีหมู่บ้านOia อยู่ตรงปลายด้านบนของวงพระจันทร์ ส่วน Thira จะอยู่ตรงกลาง




ข้าวของใน Thira นั้นรู้สึกจะราคาถูกกว่า Oia นิดหน่อย แต่หมู่บ้านที่จะไปดูบ้านกันนี้ชื่อ ไอเอ (Oia) ซึ่งอยู่ทางเหนือของเกาะ หมู่บ้าน Oia นี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่น่ารักมากๆ เป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวอเมริกัน เนื่องจากว่าเกาะนี้เป็นเกาะที่ดังที่สุดในกรีซ และชายหาดที่ซานโตรินี่ก็โด่งดัง เพราะว่าไม่เหมือนใครเช่นกัน คือมีทรายเป็นสีดำ เพราะว่ามันเกิดมาจากลาวาภูเขาไฟ จึงทำให้สวยแบบแปลกไปอีกแบบ



ที่น่าดู น่าชม จนทำให้หมู่เกาะแห่งนี้โด่งดังที่สุด ในบรรดาเกาะต่างๆของกรีซคือ ส่วนบนของเกาะ ตามขอบหน้าผา จะมีบ้านเรือนสีขาวฟ้าเรียงรายไปตามลาดเอียงของหน้าผาที่สูงชันกว่า 700 ฟุต แต่ที่ชาวบ้านนิยมขึ้นมาปลูกบ้านกันบนหน้าผาสูงนี้ ด้วยเหตุผล 2 อย่างคือ ด้านความปลอดภัย จากโจรสลัดในสมัยก่อน การอยู่ที่สูงจะทำให้ยากต่อการเข้าถึง และง่ายต่อการป้องกันตัว อีกอย่างหนึ่งคือ บนหน้าผาจะรับลมดีและมีอุณหภูมิเย็นกว่าด้านล่างโดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน ชาวบ้านจึงหนีกันขึ้นมาสร้างบ้านกันบนนี้

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เที่ยวโปรตุเกสกันค๊า า!!

โปรตุเกสเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนปลายคาบสมุทรไอบีเรียทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ทิศตะวันตกและทิศใต้จรดมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศเหนือและทิศตะวันออกติด สเปน ดินแดนของโปรตุเกสยังรวมถึงหมู่เกาะ 2 แห่งในมหาสมุทรแอตแลนติก ได้แก่ หมู่เกาะ Azores และ Madeira มีกรุงลิสบอนเป็นเมืองหลวงและเมืองท่าที่สำคัญ

แม้จะเป็นประเทศเล็กๆ มีพลเมืองไม่มาก และมีเศรษฐกิจที่ไม่ใหญ่โตหวือหวาเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยทั่วไปในสหภาพยุโรป แต่ก็มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ มากเลยค่ะ

กล่าวคือเป็นประเทศยุโรปแห่งแรก ที่ส่งกองเรือเดินทางสำรวจทางทะเล เพื่อค้นหาดินแดนใหม่ๆ ที่ชาวยุโรปในยุคนั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โดยการสนับสนุนทุนทรัพย์อย่าง แข็งขัน โดยราชสำนักโปรตุเกสในสมัยโน้น ...

องค์ความรู้ด้านการต่อเรือ การเดินเรือ การทำแผนที่ การใช้เข็มทิศ ฯลฯ ที่ชาวโปรตุเกสสั่งสมและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องนี่เอง ที่เป็นรากฐานให้แก่การค้นพบครั้งสำคัญที่ ส่งผลสะเทือนต่อประวัติศาสตร์โลก ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเดินเรืออ้อมแหลมกู้ดโฮปสู่อินเดีย และต่อเนื่องถึงดินแดนตะวันออกไกล ของวาโก ดา กาม่า หรือแม้กระทั่งการเดิน เรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสู่แผ่นดินอเมริกาของคริสโตเฟอร์

นอกเหนือจากความเก่งในเรื่องของการต่อเรือแล้ว โปรตุเกสยังมีความเจริญทางด้านของสถาปัตยกรรมที่มีแบบแผนเป็นของตัวเอง สมควรแก่การชื่นชมยิ่งนัก


กรุงลิสบอน(Lisbon) เมืองหลวงอันเก่าแก่มีประวัติยาวนานกว่า 800 ปี เมืองได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำให้ลิสบอนมีความสวยงามและเอกลักษณ์เป็นของ ตนเอง



พิพิธภัณฑ์รถม้า(THE ROYAL COACHES MUSEUM) ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่16 ที่โปรตุเกสเรืองอํานาจนําชมรถม้าที่มีความงดงามตระการตา ทั้งของกษัตริย์โปรตุเกสในอดีต และของประเทศต่างๆที่ส่งมาเป็นเครื่องราชบรรณาการ



เมืองปอร์โต (Porto) อยู่ทางตอนเหนือ ห่างกรุงลิสบอนประมาณ 300 กม. เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมสมัยกลางที่สวยงามอยู่หลายแห่ง และเป็นเมืองที่เป็นแหล่งผลิตเหล้าปอร์ต (Port) ที่มีชื่อเสียง



วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เกาะมิโคนอส (Myconos) 2*

เป็นไงบ้างค่ะเพื่อนๆ เกาะมิโคนอส เวอร์ชั่นแรก เดิ้ลมั้ยล๊า า
เนื่องจากเกาะนี้สวยมากจริงๆ เลยขอต่อด้วย เวอร์ชั่น 2 ค่ะ ไปชมกันเล๊ ย ย!!








เกาะมิโคนอส (Myconos) 1 >> สวยมากจริงๆค่ะ *

สวัสดีค่ะ  วันนี้แคทได้สรรหา สถานที่น่าเที่ยวที่ Comely* ตามคอนเซ็ปต์ของบล็อคแคท 
 มาให้ชมกันอีกแล้ว
ขอบอกว่า เมืองนี้น่าเที่ยวมาก ถึงมากที่สุด  ฮู่ว ว ว!!   มันสุดยอดมากค่ะเพื่อนๆ แคทอยากไปมากเลยอ่ะ  !!  แว๊ก ก   ยังไงซะชาตินี้ต้องไปแน่ๆค่ะ

เห็นแคทพรรณนาโวหารไปซะขนาดนี้ เพื่อนๆคงยังไม่เชื่อ เอาเป็นว่าไปชมกันดีกว่า*
มันฟินเนเล่จริง ๆ




นี่คือ ประตูบ้านหลังหนึ่งของชาวกรีกที่นั่นค่ะ (น่าร๊าก ก !!)

นี่เป็นตรอกซอยของเกาะนี้ค่ะ  ..


เดินเข้าสู่ซอยร้านค้าเก๋ๆกันแล้วนะคะ แม้แต่ป้ายบอกทางก็ยังเท่ห์ชียว


วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เวียนนา เมืองในฝัน*



มีเพื่อนๆถามว่าถ้ามาออสเตรียควรจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี และเมื่อไรอยากจะ
หนีร้อนจากเมืองไทย มารับอากาศเย็นสบายที่นี่ คิดว่าเดือนเมษาอากาศ กําลังดีค่ะ เข้าฤดูใบไม้ผลิแต่ฝนก็อาจจะตกชุกได้ อากาศยังเย็นอยู่ทางที่ดีมีเสื้อกันฝน โค้ตบางๆ
เผื่อมาด้วยก็ดีค่ะ เมืองที่ต้องแวะมาก็ กรุงเวียนนาซิคะ คนที่นี่เรียกเวียนนาว่า วีน Wien
ที่ต้องไปชมก็พระราชวัง Schönbrunn พระราชวังBelvedere เบลวาแดร์ อยู่
ใกล้สถานีรถไฟ, ชมโบสถ์ซเตฟานส์โดม Stefansdom ถ่ายรูป เดินชม ถนน

Kärntnerstrasse (แค้นท์เน่อชตราเซ่)เดินชมโรงโอเปร่าแล้วไปที่กราเบ้นถนนGraben
ช๊อปปิ้งต้องไปถนนมาเรียฮิลฟ์เฟอชตราเซ่ Mariahilferstrasse ถนนเหล่านี้คุณจะได้สัมผัสกับบรรยกาสของเวียนนาตึกราม บ้านช่องและสถาปัติยกรรม รอบตัวคุณแล้วถ่ายรูปให้เห็นโบสถ์ข้างหลัง สวยมากค่ะ จะแวะห้องนํ้าข้างล่าง เดินลงไปนิดเดียว



· แล้วไปนั่งจิบกาแฟ เมล้องช์ (คือกาแฟใส่นม ชมนักท่องเที่ยวผ่านไปมาหรือจะนั่งรถม้าชมเวียนนา แวะสวนสาธารณะที่มีรูปปั้นของโยฮันชเตร้าส์เจ้าแห่งดนตรี หรือไปชมโรงโอเปร่าใกล้ๆกัน เหนื่อยแล้วแวะพักแล้วลองชิมชนิตเซล(หมูชุบแป้งทอดสูตรออสเตรียน)กับสลัดมันฝรั่ง หาทานตามร้านในสวนก็อร่อย และแวะ ร้านขนมDemmelที่มีขนมอร่อยๆ มากมาย

หรือจะลองทานเค้กช๊อกโกแล๊ตอันขึ้นชื่อของออสเตรีย Sacher Torte (สาเค่ต๊อดเต้) ไส้แอปริคอตกับวิปครีม ชิ้นเดียวอิ่มไปทั้งวัน


· หรือเบื่อพระราชวังอยากไปเดินตลาด Naschmarkt (นาชมาร์ค) ตลาดต่างชาติมีข้าวของมากมาย ของไทยก็มี เดินทั้งวันก็ไม่ทั่วค่ะ หารองเท้าสบายๆไว้ และเค้าเต้อร์เพน ยาทา แก้ปวดพกมาด้วย เผื่อมีรายการปวดเมื่อย



· คํ่าๆก็ไปจิบไวน์แถบGrinzingหรือ ฮอยริเก้น beim Heurigen ต่างๆ วันต่อมานั่งรถใต้ดิน อูบาห์น ไปชม Donauturm หอโดเนาว์จะมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของกรุงเวียนนาได้ไกล จะรับประทานอาหารกลางวันที่นั่นเลยก็อร่อยค่ะ หอก็หมุนไปช้าๆให้ชมวิวกัน อิ่มแล้วก็นั่งรถใต้ดินไปชมตึกสหประชาชาติ Unocity แล้วก็ไปชม



· Prater กระเช้าหมุนที่ใหญ่ที่สุดตัวเองไม่ค่อยชอบที่นี่เท่าไร ชอบไปพิพิธภัณฑ์ Museum มากกว่าค่ะ นั่งไปลงในเมืองแถวๆ Ringstrasse เห็นรูปปั้น พระนางมาเรีย เทเรซ่า กษัตริย์ตรีที่ยิ่งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ออสเตรีย มีบุตรธิดา หลายองค์ ที่น่าสงสารที่สุดคือพระนางมารีอังตัวแนต (ถูกบั่นหัวด้วยกิโยติน) เมื่อเห็นรูปปั้น ก็จะเห็นพิพิธภัณฑ์สถาน 2 ด้าน หนึ่งเป็นศิลปะ ภาพเขียนอันโด่งดัง


ค่าครองชีพที่นี่ค่อนข้างสูง นั่งจิบกาแฟถ้วยหนึ่งๆ อย่างน้อยก็ 200-300บาทแล้วไม่นับขนม อ้อเข้าห้องนํ้าก็ต้องเสียเงินนะคะน่าจะ 20-30บาท ชักเหนื่อย ขอนั่งพักก่อนนะคะ หาโรงแรมใกล้ๆ ศูนย์กลางก็ดีค่ะ จะได้เดินกลับได้ ชมวิวไปในตัว